18.บ่ายสามที่ตึกนอน

ตอนที่ฉันเป็นน้องใหม่ในวิทยาลัยพยาบาล มีเรื่องที่พูดต่อๆ กันมาว่า คนที่พักอยู่ชั้นห้าห้ามอยู่บนห้องในเวลาบ่ายสามโมงเด็ดขาด แต่ก็ไม่มีใครพูดถึงเหตุผลของกติกานั้น
พวกเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันคาดเดาไปต่างๆ นานา แต่เหตุผลที่ดูจะมีน้ำหนักมากที่สุดนั้นง่ายๆ ก็เพราะในหน้าร้อนชั้นห้าซึ่งเป็นชั้นบนสุดจะมีความร้อนมากกว่าชั้นอื่นๆ ร้อนขนาดที่จะทำให้คนปกติป่วยได้เลย
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ฉันก้าวข้ามเส้นเวลานั้น ในที่ ที่ทุกคนเคยเตือนเอาไว้ โดยไม่ได้เจตนา…
วันนั้นฉันรู้สึกไม่สบาย มีไข้ จึงฝากเพื่อนบอกอาจารย์ว่าขอลาป่วย ตั้งใจว่ากินยาลดไข้ นอนพักสักวัน น่าจะดีขึ้นได้

ฉันหลับจนกระทั่งเพื่อนร่วมห้องโทร.มาถามอาการราวๆ สิบโมงครึ่ง ยาลดไข้ออกฤทธิ์เต็มที่ ฉันดีขึ้นมาก แต่ยังเพลียๆ และระบมตามกล้ามเนื้อ เพื่อนบอกว่าแจ้งอาจารย์ให้แล้ว อาจารย์ให้นอนพักมากๆ ถ้ารู้สึกไม่ดีก็โทร.ตามเพื่อนหรืออาจารย์ได้ ฉันฝากขอบคุณและวางสายไป
ฉันหลับไปอีก มาตื่นอีกครั้งตอนที่เพื่อนถืออาหารกลางวันมาให้กินถึงบนห้อง แต่กินได้เพียงไม่กี่คำเพราะเจ็บคอมาก เพื่อนอาสาจะพาไปห้องพยาบาล แต่ฉันยืนยันว่าไม่ต้อง ถ้านอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น ตอนนั้นคิดอย่างนั้นจริงๆ
ช่วงบ่ายในความสะลึมสะลือ ฉันรู้สึกว่าตัวเองหนาวสั่น ทั้งที่อากาศเริ่มร้อนอบอ้าว ปากแห้งผาก ห่มผ้าห่มกี่ผืนก็ไม่หายหนาว ฉันพยายามควานหาโทรศัพท์ จะโทร.บอกเพื่อน เพราะไม่ไหวแล้ว แต่ก็ควานไม่เจอ ปวดในกล้ามเนื้อและกระดูก จนเริ่มแน่ใจว่านี่ไม่น่าจะใช่ไข้หวัดธรรมดาแล้ว แต่ถึงตอนนั้นแค่จะพยุงตัวลุกขึ้นก็ไม่ไหวเสียแล้ว
ขณะฉันเริ่มกลัวกับการต้องสู้กับอาการที่แย่ลง ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเย็นฉ่ำโปะลงมาที่หน้าผาก เมื่อลืมตาขึ้นดูก็เห็นหญิงสาวในชุดนักเรียนพยาบาลปีสี่สีขาวฟ้า (บนหมวกมีแถบดำสามแถบ) คนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ เตียง กำลังใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดเช็ดหน้าเช็ดตาให้ฉัน
“ตัวร้อนจี๋เลย กินยาหรือยัง” รุ่นพี่พูดพลางพยักพเยิดไปที่กระบอกน้ำและยาลดไข้ที่หัวเตียง พลางดึงผ้าห่มออก “ไข้กำลังขึ้น อย่าห่มผ้าแบบนี้ จะยิ่งตัวร้อน อันตราย”
รุ่นพี่นั่งลงข้างๆ ฉันพลางช่วยพยุงตัวให้ลุกนั่ง แล้วยื่นยาลดไข้กับกระบอกน้ำให้ ฉันรับยามากิน กลืนลงคออย่างยากลำบาก “ขอบคุณค่ะพี่”
รุ่นพี่ยังเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าตาให้ฉันเรื่อยๆ “บนนี้อากาศมันร้อนมาก เดี๋ยวลุกไหวแล้วลงไปพักข้างล่างนะ ไปนอนห้องพยาบาลก็ได้ ดีกว่าอยู่บนนี้”
สักพักยาลดไข้ออกฤทธิ์ เหงื่อเริ่มออกชุ่มคอเสื้อ ฉันเริ่มมีแรงลุกขึ้นได้เอง รุ่นพี่ยังหยิบกล่องน้ำผลไม้ยื่นให้ “เอ้า มีน้ำตาลหน่อยจะได้สดชื่นขึ้น แล้วก็ลงไปข้างล่างได้แล้ว” ฉันเพิ่งสังเกตว่ารุ่นพี่เป็นผู้หญิงร่างเล็ก ผิวสี น้ำผึ้ง เวลายิ้มตาหยีน่ารักทีเดียว
“แล้ววันนี้พี่ไม่ขึ้นเวรเหรอคะ” ฉันถามเพราะประหลาดใจที่เห็นรุ่นพี่ในเครื่องแบบยังอยู่บนตึกนี้ในเวลานี้
“วันนี้ไม่ได้ขึ้นเวร” รุ่นพี่ส่ายหน้า ตอบเบาๆ ดูเศร้าพิกล “จะบ่ายสามแล้ว รีบลงไปเถอะ บนนี้มันร้อน”
ฉันพยักหน้า หันไปหยิบกระเป๋าย่ามของใช้ที่โต๊ะ ลิ้นชักหัวเตียง กำลังจะลงจากเตียงก็เจอโทรศัพท์ตกอยู่ที่พื้น ขณะที่กำลังคิดว่าจะโทร.บอกเพื่อนดีไหม รุ่นพี่ที่ดูร้อนรนขึ้นก็พูดเร่งขึ้นว่า “ไม่ต้องโทร.แล้ว รีบลงไป เร็วเข้า”
ตอนนั้นฉันไม่สงสัยอะไรสักนิด คิดแต่ว่ารุ่นพี่ไล่ลงไปข้างล่างเพราะเป็นห่วงอาการป่วยของฉันเท่านั้น ขณะลงบันไดไปถึงชั้นสาม จู่ๆ เพื่อนก็โทร.เข้ามา
“แจงๆ ยังอยู่ที่ตึกหรือเปล่า เขาลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ช่วยดูให้หน่อยได้ไหม แล้วนี่เป็นไงบ้าง หมดคาบเดี๋ยวไปรับลงมาข้างล่างนะ ไหวไหม” เพื่อนพูด ทีเดียวยาวเหยียด ฉันรับปากแล้วรีบตะกายกลับขึ้นไปที่ชั้นห้าเพื่อไปดูกระเป๋าตังค์ให้เพื่อน
“อ้าวรุ่นพี่…” ฉันพูดได้แค่นั้น เมื่อเห็นรุ่นพี่ยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ใบหน้าเศร้าสร้อย
อะไรบางอย่างบอกฉันว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ปกติ ฉันเพิ่งนึกออกว่าเครื่องแบบปีสี่ของวิทยาลัยเราเปลี่ยนเป็นแบบเอี๊ยมมาตั้งนานแล้ว เครื่องแบบรุ่นเก่านี้เลิกใช้ไปแล้วนี่!
รุ่นพี่กำลังสะอื้นฮัก ตอนที่ฉันเดินเข้าใกล้ เธอหันมามองฉันแล้วยิ้มเศร้าๆ นาฬิกาตั้งพื้นประจำอาคารตีบอกเวลาบ่ายสาม เสียงดังแว่วมาจากข้างล่าง
ฉันได้แต่ยืนนิ่งตาค้าง ตกใจแทบสิ้นสติ ตอนที่รุ่นพี่ใจดีคนนั้นยันตัวเองขึ้นไปนั่งขอบระเบียง แล้วเอนหงายหลังทิ้งตัวลงไปกระแทกพื้นเบื้องล่าง เลือดสีแดงสดไหลนองชุ่มหมวกขาวและกระจายทั่วบริเวณ!!!
กลายเป็นว่าฉันเป็นคนค้นพบคำตอบที่แท้จริงของการห้ามรุ่นน้องอยู่บนอาคารตอนบ่ายสามโมงตรง หลังเหตุการณ์นี้ใครคนหนึ่งเล่าว่าหลายปีก่อนมีรุ่นพี่ฆ่าตัวตายที่นี่ เวลาบ่ายสามโมงเพราะเครียดกับการเรียน สอดคล้องกับเรื่องเล่าที่ว่าเวลาไม่สบายอยู่บนตึกตามลำพังมักมีรุ่นพี่ใจดีมาคอยแตะหน้าผากเช็ดตัวให้ แต่ไม่เคยมีใครเห็นเธอในตึกเรียนเลย
ตามความเชื่อคนไทยคนที่ฆ่าตัวตายต้องใช้กรรมด้วยการฆ่าตัวตายครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่รู้ว่ารุ่นพี่ใจดีคนนั้นต้องวนเวียนโดดตึกอีกนานแค่ไหน แต่ก็ภาวนาขอให้เธอพบความสงบสุขได้ในเร็ววัน…
ส่วนเรื่องหอพักนั้น! ย้ายออกไปอยู่หอนอกสิคะ ใครจะไปอยู่ต่อไหว