3.เล่าเรื่อง ชีวิตทหารเกณฑ์ในศูนย์ฝึกทหารใหม่

…..ช่วงนี้  ข่าวเกณฑ์ทหารกำลังมาแรง   และก็ต้องมีประเด็นทุกครั้งที่มีการเกณฑ์ทหาร   ผมเองในฐานะผู้เคยผ่านการเป็นทหารมา  อ่านคอมเมนต์ตามเพจต่างๆเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารแล้ว  ก็เห็นด้วยในหลายๆประเด็น  และ ไม่เห็นด้วยในหลายๆประเด็น    บวกกับการที่ผมมีคนรู้จักที่เป็นรุ่นน้องๆหลากหลาย   ทั้งคนรู้จักฝ่ายแฟน  พอรู้ว่าผมเนี่ยเคยเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน  แล้วตัวเองต้องไปเป็น  หรือ คนรัก  หรือคนใกล้ตัวต้องไปเป็น  ก็จะมาสอบถามผมตลอดว่า  เข้าไปเป็นทหาร  ต้องเจออะไรบ้าง    ต้องทำตัวยังไง   เตรียมอะไรไปบ้าง     ผมก็ต้องตอบประโยคซ้ำๆในแต่ละปี  เพื่อเป็นแนวทาง  หรือให้เขาพอรู้  อ่ะตั้งกระทู้เล่าเลยแล้วกัน  เผื่อมาถามอีกจะได้เอาไปแปะให้อ่าน    จริงๆมันอาจจะไม่เหมือนกันหรอก  แต่อย่างน้อยๆ การได้รู้ไว้ก่อนพอเป็นแนวมันก็ดีกว่าการเข้าไปแล้วไม่รู้อะไรเลย  อันนั้นเราอาจจะรู้สึกอึดอัด



......ผมจึงขอเอาชีวประวัติการเป็นพลทหารของผม  มาเล่าสู่ให้ใครก็ตาม  ที่อาจจะได้ไปนอนเตียงเดียวกับที่ผมเคยนอนมาก่อน  หรือเตียงที่มีเพื่อนทหารเคยนอนตายคาเตียงมาก่อน  555 (อันนี้ล้อเล่นนะ)  ว่าเมื่อคุณเข้าไปแล้วจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง  มันอาจจะไม่เป๊ะๆ เพราะเขาอาจเปลี่ยนวิธีการไปแล้ว  เพราะมันก็หลายปีอยู่  ในชั้นนี้จะเป็นเรื่องของ ทหารเรือนะครับ  เผื่อใครต้องเป็นทหารเรือ ก็อ่านเพื่อเป็นแนวไปแล้วกัน  ในชั้นนี้จะเป็นเรื่องราวของทหารจากภาคใต้  ร่วมเครือศูนย์ฝึกทหารใหม่นาวี   จักยลการตัดหญ้าในปฐพีไพศาล    แฮ.......

........ผมเข้ารับการคัดเลือกทหารในปี 2551   ที่ภาคใต้นี่แหละ  ตอนนั้นผมเป็นคนผอมแห้ง  คือแห้งจนหน้าตอบ  ตัวเหลือง   หน้าอกแฟ่บ  ผมสูง167 น้ำหนักไม่ได้ชั่ง   ผมไม่ได้ติดยาหรือกินเหล้านะ  แต่ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบกินข้าว  เป็นคนชอบกินมาม่าเป็นอาหารหลัก (อย่าหาว่าโฆษณาแฝงน่ะ)   มันเลยผอมเหลือง   เพราะตอนนั้นผู้ชายที่ดูเท่ห์มีเสน่ห์สำหรับผมคือ ต้องผอม ขี้ก้าง  ทำตัวจิ๊กโก๋ ไปจีบจิ๊กกี๋    พอถึงวันคัด  ผมไปที่จุดคัดของอำเภอ  คนเยอะมาก  คงนึกภาพกันออก


.....ผมไปคนเดียว  เพราะพึ่งเลิกกับแฟนเก่าไป  พ่อแม่ไม่มา เพราะแกบอกผมจะไปตายห่าที่ไหนก็ไป  เพราะต้องบอกตรงๆว่าตอนนั้นผมเป็นคนไม่เอาอ่าว   เรียนต่อไม่เรียน   พากเพียรเรื่องงานแล้วแต่อารมณ์  ใช้ชีวิตเที่ยวเล่นไปวันๆ ขอให้ยกมือขึ้น (เพลงยกมือขึ้นพี่โจอี้บอยมาเลย)   ก็ไปแบบเหงาๆเนาะ   เห็นคนอื่นมาคัด  บางครอบครัว เหมือนขนกันมาเป็นคันรถ  มีแฟนคลับมานั่งให้กำลังใจ  เฮ้ย!!! เราเดียวดายเหลือเกิน    ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจแบบเด็กๆ   เลยอ่ะ  สมัครไปเลยดีกว่ามั้งกู    เผื่อได้ไปรบ3จังหวัด  ตายไปแม่กูจะได้สบายใจ     ตอนแรกไม่กล้าสมัคร  เพราะกลัวหน้าอกไม่ถึง   ก็ผอมแบบนั้น  แถมตัวไม่สูงใหญ่อะไร   เลยรอเขาวัดหน้าอกก่อน


.....พอถึงตาผมวัดหน้าอก  อ่ะผ่าน ได้ขนาด  เลยกำหนดไป3เซ็น  (ไม่รู้กำหนดรอบอกเท่าไหร่)   ผมเลยบอกทหารที่วัดอกอยู่2คนนั้นว่า

    “ผมขอสมัครเลยได้ไม๊ครับ”

    “ห๊า..สมัครเลยหรอ”

ทหารสองคน เหมือนจะยศจ่า  กับ พันจ่ามั้ง จำไม่ได้ นานแล้ว  หันไปคุยกัน  อีกคนบอก

  “ไม่ไหวมั้งพี่  ตัวเล็กมากเลยนะ”

  “เฮ้ย!!แต่รอบ-อกผ่านนะ”

แล้วคนที่บอกรอบ-อก.ผมผ่านนะ ก็ดึงผมไปหาคณะทหารอีกกลุ่มบอกว่า คนนี้ขอสมัคร   เขาก็ลุกมาตะเบ๊ะ  จับมือผมพร้อมกับคำพูดว่า    “ยินดีต้อนรับเข้าสู่กองทัพ”  ผมก็ไม่ต้องจับใบดำใบแดงเหมือนคนอื่นๆ  รอเดินทางเลย  เพราะคนสมัคร สามารถเลือกได้ว่า  อยากเป็นทหารอะไร  ผมก็อ่ะ   ทหารเรือแล้วกัน ไกลบ้านดี  เพราะ คนที่ไปทหารบก  -รุ่นผมจะต้องไปอยู่ที่นครศรีธรรมราช   ความรู้สึกน้อยใจในคนเคยรักและครอบครัวไง  คำว่าจะไปตายห่าไหนก็ไปดังอยู่ในหัว  เลยขอไปไกลๆแล้วกัน

……ผมไปถามสัสดีว่า  วันไป ผมต้องเอาอะไรไปบ้าง  ต้องเตรียมเงินเตรียมของอะไรบ้าง
สัสดีบอก  ไปแต่ตัว  ทุกอย่างเขาเตรียมไว้รอหมดแล้ว  เงินก็ไม่ต้องเอาไป  เงินก็ไม่ต้องเอาไป   (เหรออออออ)
ต้องบอกเลยว่า   ถ้าคุณเป็นทหารเรือแล้วมีใครบอกอย่าเอาเงินไป  คุณอย่าไปเชื่อ  ผมเจ็บปวดมากกับเรื่องนี้
สิ่งที่ไม่ควรเอาไปจริงๆคือ  ข้าวของส่วนตัว  กับโทรศัพท์มือถือ และทองคำ   ผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไม

.....ผมขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ ก็เป็นขบวนขนหนุ่มใต้ไปเป็นทหารทั้งขบวน  จอดสถานีใหญ่ไปตามทุกจังหวัดที่รถไฟสายใต้วิ่งผ่าน  พวกที่อยู่จังหวัดฝั่งอันดามัน  เขาก็จะขนมารอที่สถานีจังหวัดฝั่งอ่าวไทย  จอดสถานีไหน  พวกที่อยู่มาก่อนบนรถก็จะพากันชะโงกหน้าออกไปโฮ่ฮา  ใส่พวกที่มารอขึ้นรถไฟด้านล่าง  แบบมีแฟนมาส่งก็กอดกันกลม  ผู้หญิงก็ร้องไห้ตาเปียก
แต่ผมเองไม่ชอบที่จะทำแบบนั้น  เพราะผมเป็นพระเอกของเรื่องเล่านี้  ฮ้าฮ่าๆๆๆๆๆ  ผมต้องนิ่ง

......เพราะไปเชื่อสัสดีไง  ผมจึงขึ้นรถไฟมาตัวเพียวๆ  ไม่เอาตังมาแม้แต่บาทเดียว   ข้าวมีเลี้ยงนะ มื้อละกล่อง  แต่น้ำต้องซื้อแดรกเอง  ห๊า....เล่นงานกูแล้วไง กินข้าวไม่มีตังซื้อน้ำ  คนขายน้ำจะมีอยู่คนนึงบนรถไฟ  หิ้วกระถาง  น้ำ กาแฟ  โอวัลติน   ไม๊คร้าบบบบ   แล้วเดินตลอด  กลางดึกก็เดิน  แต่ผมไม่มีเงิน   ทำไงทีนี้  (น้ำในส้วมรถไฟก็อร่อยดีนะเวลาข้าวติดคอ) ฮ่าๆๆๆ

.......โชคดีที่นั่งกันอยู่4คนตรงนั้น  มีคนนึง เด็กสงขลา มันพกเงินมา  แล้วคนใต้นี่นิสัยดี รักพวกพ้อง  ก็เลยได้อาศัยดื่มน้ำกับมันบ้าง  หลังจากฟาดน้ำก๊อกในส้วมไปหลายอึก    ตอนแรกยังนั่งเก๊ก  ก็ไม่รู้จักกันไง   ทีนี้ไอ่คนนึงมันก็เริ่มถามและ

    “เพื่อน  มาแต่นั๊ยอ่ะ”   (เพื่อนมาจากไหนกัน)

    “สะเดา,  สตูล,พัดลุงนิ  เติ้ลอ่ะ” (คุณล่ะ)

     “ผ๊มเบตง”

....ก็เป็นเพื่อนคุยกันตลอดทางแหละ  บนขบวนก็จะแยกเป็น2พวกคือ   วัยรุ่นใต้ที่พูดไทย  กับ พูดยาวีของ3จังหวัด  คือตลอดเวลาบนรถไฟเนี่ย   จะแยกเป็น2พวกค่อนข้างชัด เพราะพวก3จังหวัดก็จะซัดยาวี   ซึ่งพวกผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง  ได้ยินมันโล้งเล้งๆๆ มีคำที่พอจะคุ้นอยู่บ้าง ก็คำว่า .  “ ด “    ก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร  แต่คำนี้รู้สึกจะมาบ่อยในประโยค   ในภาษาไทยนี่ก็อย่างที่คุณเข้าใจแหละ

......บนรถไฟนี่มันจะมีคน2จำพวกคือ  พวกสายเงียบ  คือนั่งนิ่งๆ คุยบ้างเล็กน้อย  แล้วก็นั่งมองข้างทาง  กับพวกเฮฮา  พวกนี้คุยได้ตลอด เสียงดัง ไม่มีหมด  พอรถจอดรับว่าที่พลทหารตามจังหวัดก็จะโผล่หน้าออกไปโฮ่ฮากรี๊ดกร๊าด   หรือ ช่วงถึงกรุงเทพ  จะมีบางช่วงที่รถไปจอดใกล้ๆบ้านคนคล้ายๆสลัม  มีเด็กสาวกรุงเทพนอนอยู่ในเปลข้างทางรถไฟที่ผ่านข้างบ้าน     ก็รับไปเต็มๆคำแซวจากชายกลัดมันปักษ์ใต้ 1โบกี้รถไฟ

....สถานีสุดท้าย  ที่เราไปจอดของรถไฟขบวนนี้คือ   สถานีรถไฟพลูตาหลวง  ชลบุรี  ก็จะมีรถทหารมารออยู่หลายคัน
แล้วจ่าๆที่มาก็จะต้อนพวกเราขึ้นรถ   หน้ายิ้มแย้ม เป็นกันเองมาก  ดูผ่อนคลายไม่เครียดเลย  ผมจำไมได้ว่ารุ่นผมใช้รถมาขนกี่คัน   จำได้แค่ว่า   คนบนรถแต่ละคัน จะมันส์มาก กับการเห็นพลขับประจำรถ เหยียบแซงรถขนคนอีกคัน   พอแซง เราก็จะเยาะเย้ยข้ามรถว่า   เห้ย !!!พวกเรานั่นมันขี่เต่าหรือรถวะ 5555  ก็เป็นการแซวขำๆข้ามไปมาพอรถแซงกัน  บรรยากาศสนุกสนานมากนะ  ไม่ใช่จะรู้สึกเครียดอะไร  พวกวัยรุ่น3จังหวัดทีแรกคิดว่ามันจะเข้าถึงยาก  ก็เปล่าเลย  พออยู่รถคันเดียวกัน  ก็เฮฮา  ล้อเลียนชื่อมัน  ล้อเลียนสำเนียงมัน ไม่มีโกรธขึงอะไร       อย่างมันพูดไทยไม่ชัด  เราก็จะทำเป็นพูดเลียนสำเนียงมันบ้าง  หรือ แซวบ้างว่า ทา-มาย-พู้-ม่าย-ช้าด-เลย   -นี่-โค-ทาย-หรือ-พาม่า

.....ก็เป็นการแซวขำๆน่ะครับเป็นการเริ่มมิตรภาพ   ส่วนใครที่คิดว่า  จะเกาะกลุ่มกับเพื่อนสนิท หรือเพื่อนจังหวัดเดียวกันตอนไปเป็นทหาร  บอกเลยว่า  อยากให้ทิ้งและกองมันไว้ตรงนั้น  เพราะเมื่อคุณเข้าไปในนั้น   ศูนย์ฝึกทหารใหม่ทหารเรือบางเสร่  

.......ส่วนใหญ่แล้วคนจังหวัดเดียวกัน จะโดนจับแยกจากกัน ด้วยระบบ ให้นั่งเรียงแถวยาว แล้วนับ 1,2,3,4  ไอ่เลข1-4เนี่ย มันมีนัยยะคือการคัดคนเข้าแต่ละกองพัน  แหม่ ไฮเทคฝุดๆ  (ไม่รู้เปลี่ยนวิธีหรือยังนะ) พอนับเสร็จ  ผู้ที่นับแต่ละเลขจะถูกแยกไปอยู่รวมกัน เป็น 1-4
ผมก็ได้สังกัดกองพันที่3 เพราะนับเลข3  แล้วพอรวมแถวแต่ละเลขแล้ว  ยังต้องนับเลขเพื่อแบ่งเข้าสังกัดกองร้อยอีก
แล้วผมมันเป็นคนใจกล้าหน้าด้านไง  เลยไปยืนคนแรกของแถว เลยได้สังกัด    ร้อย1 พัน 3   (ใครอยากอยู่กับเพื่อนสนิท ก็ลองเอาไปคำนวณตอนนั่งแถวเอาเองนะครับ ถ้าเขายังไม่เปลี่ยนวิธีนะ)

……เสร็จแล้วจะมีการเข้าแถวฉีดวัคซีนอะไรบางอย่าง   ผมก็ไม่รู้ว่าคือวัคซีนอะไร   ลือกันไปขำๆว่าเป็นยาทำให้ไข่ไม่แข็ง 555  ตอนออกจากศูนย์ฝึกทหารใหม่  เขาจะฉีดอีกเข็มเพื่อให้ไข่กลับมาแข็ง  จริงป่าวไม่รู้  แต่ตอนอยู่ที่นั่น2เดือน   บอกเลยผมไม่เคยเล่นกีฬาบนฟ้าในห้องน้ำสักครั้งเดียว  แต่คงไม่ใช่เรื่องจริง   เพราะไม่งั้นตอนมีโคโยตี้มาเต้นตอนจบการฝึก2เดือนในคืนสุดท้าย   ผมคงไม่ได้เห็นพลทหารแอบดูโคโยตี้ แล้วสโตรกไข่ตัวเองในห้องกระจกทึบที่อยู่ตรงข้ามกับเวที     ในอาคารที่มีเวทีสำหรับทำกิจกรรมนั่นหรอก

.....พอแยกกองร้อยเสร็จ   ก็จะเดินเรียงแถว  ตามจ่าของแต่ละกองร้อย  ที่มารับ  ของผม ร้อย1 พัน3  เดินไกลสุดขอบชายแดน   ใกล้โรงเรียนฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติด ก็วิวัฒน์พลเมืองละมั้ง   อาคารร้อย1 พัน3  ด้านบนเป็นไม้  ด้านล่างเป็นปูน  เห็นว่าตอนนั้นเหลืออยู่ไม่กี่อาคารแล้ว  ไม่รู้ว่าปัจจุบันกลายเป็นปูนหมดหรือยัง  ไปถึงก็ยืนแถว   แล้วก็มีการแจกจ่ายผ้าขาวม้าลายๆ พร้อมขัน  สบู่ แชมพู แปรง  ยาสีฟัน  อย่าคิดว่าฟรี  ต้องจ่ายเงิน  ณ  ตรงนั้น50บาท  อ้าว   ซวยสิครัช

ชายผู้ปฏิบัติตามคำพูดของสัสดี ที่บอกว่าไม่ต้องเอาอะไรมาแม้แต่เงินอย่างผม  จะทำไง  เล่นเก็บกันตรงหน้าอาคารเดี๋ยวนั้นเลย  ก็หันไปเจอ ไอ่คนข้างๆ  ก็หน้าด้านเลย  ไม่รู้จักมันด้วย  บอก เห้ย !! เพื่อน  ยืมตังค์ก่อน50ดิ   (มันคงจะงงแน่ๆว่าเมิงเป็นครายยยย 555)  แต่มันก็ให้ยืมนะ  มารู้ทีหลังว่ามันเป็นอิสลาม  บ้านอยู่ สิงหนคร  จ.สงขลา  ผมจำชื่อมันไม่ได้แล้ว

……หลังจากจ่ายเงินรับของแล้ว  ก็ได้เวลา  รับทรงผมแฟชั่นบาดใจ  จากทหารรุ่นพี่  ใครที่ตัดผมเป็นก็ถูกเรียกไปใช้งานตัดให้เพื่อนก่อนเลย  ผมยาว ผมสั้น รากไทร  เหลือทรงเกรียนหมด   ใครจะชิงตัดไปก่อนก็ได้นะ  ถ้าคิดว่าถูกระเบียบพอ
ตัดเสร็จ นั่งเรียงแถว  นับอีกแล้ว  แบ่งเป็น4หมู่   แยกหมู่เสร็จ มีเลือกหัวหน้าหมู่   ใครที่ดูทึ่มๆตัวใหญ่ๆ มักจะโดนเพื่อนดันไปเป็นหัวหมู่  กับรองหัวหมู่  ไอ่คนฉลาดๆ ตัวแสบๆ มันไม่เอาหรอก   เอาแต่ยุเพื่อน

.....แล้วเราก็จะได้รับ  เครื่องแบบที่เรียกว่า “ชุดจับหมู”  เสื้อขาวๆขอบน้ำเงิน ตัวบางๆ  กางเกงกากีขาสั้นคล้ายกางเกงนักเรียน   รองเท้าหนังหนัง  ถุงเท้า  ส่วนชุดกะลาสีจะได้รับในวันหลังๆ  กัยชุดกีฬา เป็นเสื้อยืด ทั้งแขนยาว แขนสั้น  กางเกงสั้นสีน้ำเงิน    สีเสื้อจะแยกไปแต่ละกองพัน  อย่างผมพัน3  เสื้อสีเหลือง   ส่วนกองพันอื่นจะเป็นสี น้ำเงิน   แดง  เขียว   เรื่องสีนี้มันมีผล ในตอนหลังๆที่มีกิจกรรม พวกแข่งกีฬาภายใน  และการสวนสนามแข่งกัน

….วันแรกก็ยังไม่มีอะไรมากมายหรอกครับ  ตัดผมเสร็จ   ก็จะมีการเปลี่ยนชุด  ชุดบ้านที่มีจะถูกริบไปเก็บไว้ก่อนทั้งหมดเพื่อป้องกัน   การเอาไปใส่แล้วหนี  (แต่คนจะหนี มันไม่เกินความสามารถหรอก  เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง)   สิ่งของที่คุณไม่มีสิทธิ์มีไว้ครอบครอง  อาทิ   .. โทรศัพท์มือถือ  ใครเอาไป  ต้องฝาก เก็บไว้  จนกว่าจะได้ปล่อยกลับบ้านถึงจะได้คืน
สร้อยคอทองคำ   ของมีค่าราคาสูง  คุณมีสิทธิ์ถือหรือใส่ได้  แต่ถ้าหาย  อย่ามาร้องงอแง  (และหายบ่อยมาก)  เพราะมีการเปิดให้ฝากแล้วไม่ฝาก   หากมาร้องไห้ว่าของเหล่านี้หาย  นอกจากจะไม่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว  เพื่อนทั้งกองร้อยมีสิทธิ์โดนทำโทษ  ภาษาทหารเรียกว่า  โดนแดรก   เพื่อหาคนขโมย

......ถ้าไม่มีคนยอมรับว่าเอาไป  ก็เหนื่อยกันอยู่แบบนั้นแหละครับ  และหากจะมีใครสักคนทำพระเอก  ยกมือบอกว่าเอาไป  แต่พอเค้นถามแล้ว  ไม่ได้เอาไป  แค่ไม่อยากให้เพื่อนเหนื่อยเฉยๆ   จะเจอข้อหา   (ทำตัวเป็นพระเอก) *0*...
ขอร้องเลย  ว่าอย่าเสี่ยง  นอกจากไม่ช่วยเพื่อนแล้ว  ยังจะพาเพื่อนเป็นลมเพราะไม่ได้นอน  ทหารไม่ต้องการพระเอก
แต่ต้องการความสามัคคี   เขาว่างี้...

.......พอฝากข้าวของต้องห้ามกันหมดแล้ว ก็จะมีการค้นตัวหาพวกยาเสพติด   สอบถามโรคประจำตัว   แล้วก็แนะนำตัวครูฝึก ที่เป็นจ่า  และพวกผมแนะนำตัวเองหน้าแถว    และมีพันจ่า ที่จะเรียกว่า  นายตอน คอยคุม    หรือเรียกสั้นๆว่า  “ตอน”  อย่างรุ่นผม  พันจ่าที่คุมกองร้อยผม  แกชื่อเล่นว่า โต  พวกผมก็เรียกว่า  “ตอนโต “  พอเริ่มสนิท ก็แถมนามสกุลที่พวกเราตั้งเองให้แกไปด้วยเลยว่า  “ตอนโต   นักเลงบางเสร่” 5555  หน้าตาแกดูดุๆ ตาเฉี่ยวๆเหมือนคนจีน  ไม่สูง   แกเป็นคนดูขึงขัง  จริงจัง  แต่บางเวลาแกก็เฮฮานะ  ตอนเข้าไปแรกๆ แค่เห็นหน้าแก  พวกผมก็นั่งหดหัวแล้ว  แต่อยู่ๆไป  เอ้อ  จริงๆแกเป็นคนที่เข้าถึงง่ายที่สุดในบรรดาผู้คุม  เอ๊ย!! ครูฝึก 555  ส่วนผู้กอง ผมไม่ค่อยเห็นแกอยู่กอง  ยศเรือเอก  นานๆแกจะแวะมาดูพวกผมฝึกสักครั้ง

……พอชี้แจงเรื่อง  อะไรห้าม  อะไรไม่ควรทำ  (รายละเอียดคงไม่ต้องเนาะ จำไมได้ มันเยอะ) ก็จะมีการซักซ้อมระเบียบแถวเล็กน้อย  พอเป็นน้ำจิ้ม เช่น  ขวาหัน   ซ้ายหัน  กลับหลังหัน    วันทะยาหัตถ์   วันแรกๆมันจะยังอยู่ในอารมณ์เฮฮาก่อนครับ  เพราะคนมาจากที่ต่างๆกัน  พอสั่งซ้ายหัน   บางคนก็หันไปทางขวา   มันก็จะมีโมเม้นต์แนวๆนี้แหละ คือมันจะรั่ว  จะหลงกันตลอด  แล้วมันจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มันจะเริ่มไม่ฮาแล้ว พอหลายวันเข้า  เพราะหากใครพลาดเหมือนในวันแรกๆ  มันคือการเปิดการ์ด  “จ่าสั่งแดรก” ให้ทำงานทันที 555

.....ท่าเบสิคคือ  วิดพื้น10ครั้ง แบบเบาๆ   ตอนหลังมันจะเริ่มมีท่ายากและเหนื่อยขึ้นตามเลเวล เช่น พุ่งหลัง   กระโดดกบ  
ท่าเด็ดคือท่าแบกโลก  (แบกโลกคือการนอนหงายกับพื้น  แล้วเอา2แขนดันตัวให้พุงชี้ฟ้าเป็นท่าสะพานโค้ง ขาและแขนกางติดกับพื้น  หัวห้ามติดพื้น ) ไอ่ท่าแบกโลกเนี่ย คนผอมๆจะทำได้สบายๆ  แต่สงสารคนอ้วนเหลือเกิน  อาจจะโดนสั่งแบบเช่น   แบกโลก  ก .ไก่ ถึง  ฮ.นกฮูก  ก็ต้องแบกโลก แล้วมีใครสักคน ท่อง ก-ฮ ให้ไวที่สุด  เพื่อจะได้รีบปล่อยตัวลง  เพราะมันเหนื่อยมาก  อย่าท่องพลาด  พลาดคือเริ่มใหม่   ใครจะไป ก็ฝึกท่อง  ก ถึง  ฮ ให้คล่องๆนะครับ 555

.....ส่วนท่า เอามือไพล่หลัง เอาหัวปักพื้น  ไม่ค่อยจะได้เจอ (เฉพาะกองร้อยผมนะกองอื่นไม่รู้)  เพราะลานกองร้อยผมมันเป็นปูน   เคยโดนทีนึง คือเจ็บหัวมาก   แต่หลักๆจะโดนท่าพุ่งหลังมากที่สุด  พุ่งหลัง คือการยืนตรง 2มือจับเอว  ย่อตัวก้มลงไปคล้ายจะวิดพื้น  แล้วคว่ำหน้าเอา2มือแปะพื้น  แล้วพุ่งทั้งตัวทั้งขาไปด้านหลัง แล้วยืนตรงเอา2มือจับเอว  ทำ10-20ทีไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอก     จะลองฝึกดูก่อนก็ได้นะ  ว่าเมื่อยไม่มาก  แต่สั่งทีนึงสั่งเยอะ   สั่งเป็นครั้งพอว่า  สั่งเป็นยกนี่สิเจ็บปวดมาก  (1ยก เท่ากับ4ที)  ดังนั้นสั่งเป็นทีดีกว่า

มีเจ็บปวดกว่านั้นคือ พุ่งหลังอินฟินิตี้  555  พุ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสั่งหยุด  ใครหยุดเจอบ่อขี้  ใครจะเป็นลมขอให้บอก  จะลากออกไปนอนดมยาดมข้างๆ    (แต่ใครคิดจะใช้แผนเป็นลมไปนอนเนี่ย คิดผิดแล้ว   พออาการคุณดีขึ้น  คุณก็ต้องมาทำตามหลังให้เท่าเพื่อนอยู่ดี  ทีนี้ล่ะคุณกลายเป็นจุดเด่นเลย  เพื่อนเลิกทำกันไปและ  ก็ไปนั่งดูคนพุ่งหลังอยู่คนเดียว   ฮา...)

……เรื่องการฝึกผมจะไม่เล่ามาก  แต่ไม่เกินความสามารถคุณหรอก   วันทั้งวัน ก็จะมีแค่ การหัน   การจัดแถวอะไรพวกนี้แหละเป็นส่วนใหญ่  คือไม่ได้ท่าเยอะ  แต่ต้องทำซ้ำๆๆๆมันซ้ำจริงๆนะ  ซ้ำจนผมเองยังรู้สึกคือรำคาญมากกว่าเหนื่อย
ซ้ำจนกว่าคุณจะคล่องและพร้อมเพรียงกันทั้งหมู่นั่นแหละ   แต่ละหมู่ก็จะมีการแยกฝึกไปตามสถานี  คล้ายๆการเข้าค่ายลูกเสือ  แต่อันนี้จะจริงจังมาก  ยามฝึก คุณควรตั้งใจฝึก  อย่าเล่น  ถ้าไม่อยากพาเพื่อนเหนื่อย  เพราะผิดคนเดียว  ไปทั้งหมู่  และคุณจะกลายเป็นที่รังเกียจของเพื่อนร่วมกลุ่มครับ

......เรื่องการใช้ชีวิตในนั้น  หลักๆมักจะแบ่งกลุ่มกันเองคือ   เด็กใต้ก็จะนั่งกับเด็กใต้   อิสานก็อยู่กับอิสาน   ส่วนภาคกลางนี่รู้สึกมันจะเดินไปทั่ว  คุยได้ทุกกลุ่ม   แต่ที่แปลกใจคือ  ผมไม่เจอทหารเรือที่มาจากภาคเหนือสักคน  ไม่รู้ว่าทหารภาคเหนือเขาคงไม่ส่งมาเป็น  ทร. ละมั้ง    แต่รังสีปักษ์ใต้ กับ อิสานนี่จะรุนแรงมาก  วัยรุ่นทั้งหลายโปรดใจเย็น    เรื่องเขม่นกันระหว่างภาคมันเป็นเรื่องปกติ  แต่โชคดีที่ผมอยู่ใต้  แต่เคยอยู่พิษณุโลกมาก่อน  เลยอ่ะคุยกับคนใต้ก็ได้  กับคนอิสานก็เข้ากันดี  เพราะผมเข้าใจทั้ง2วัฒนธรรม

.....ทหารจากอิสานเนี่ยจะเป็นคนพูดมาก  พูดไม่หยุด  พูดได้เรื่อยๆ  ถ้าพูดให้ถูกคือพวกนี้จะเฮฮา  เว้าอิสานกันดังลั่น  พอๆกับทหารปักษ์ใต้แหละ  แต่ทหารปักษใต้จะคุยเก่งไม่เท่า แต่เวลาเฮฮาก็จะดังมาเป็นพักๆ แต่หลักๆคือ2กลุ่มนี้  พอได้หยุดพัก  จะไม่นั่งด้วยกัน  แต่เวลาเข้าหมู่ ก็คุยกันเพียงเล็กน้อย

.....จะมีทหารอีกกลุ่ม ที่แยกตัวเป็นเอกเทศ  มีสิทธ์พิเศษเล็กน้อย คือ กลุ่มทหารวีรบุรุษประตูหลัง  อิอิ  กลุ่มนี้จะออกแนว  ตุ้งติ้งๆกรีดกรายนิ้ว  ถ้าใครมาแนวๆนี้เข้าไป (เพราะยังไม่มีนมและยังไม่แปลง ก็ต้องเป็นครับ)  คุณจะกลายเป็นขวัญใจของกองร้อย  เอ้า!!จริงๆนะ    และจะไม่เหนื่อยเท่าพวกปกติ  เพราะจะโดนดึงไปช่วยงานด้านขายของในสหกรณ์กองร้อย  พวกขายขนม น้ำ   จับเวลาการใช้โทรศัพท์ (ขณะนั้นใครจะโทรต้องใช้โทรศัพท์กองร้อยเท่านั้น นาทีละ3บาท)   ใครไม่มีเงินก็เซ็นต์ไว้ก่อนได้  หักตอนเงินเดือนออก  (ทหารใหม่แทบทุกคนที่ไปแบบจนๆเจอปัญหาเงินเดือนแทบไม่เหลือกันเยอะ)
พลทหารตุ้งติ้ง  จะได้รับสิทธิ์ไม่ต้องอาบน้ำพร้อมคนอื่น   จ่าเค้าก็เข้าใจและอนุโลมให้  อาบน้ำทีหลังเพื่อนตอนมืดๆได้
ไม่ต้องไปฝึกเหนื่อยๆ   ฝึกบ้าง พอเป็น  แต่ไม่ฝึกเยอะ  แต่ถ้าโดนแดรกตอนแถวรวม  ก็ต้องทำด้วยนะ ไม่ใช่ว่าจะรอดเหมือนกัน


......เรื่องอาหารการกิน  ต้องบอกว่า  หากคุณเป็นคนที่มีตังค์  ขอให้เอาเงินไปเยอะๆครับ  เพราะข้าวที่โรงอาหาร  บอกเลยว่า  มันอร่อยจนเหลือทิ้งล้นหม้อใบใหญ่  มากพอที่จะเอาไปเลี้ยงคนได้ทั้งหมู่บ้านในแต่ละมื้อ  ยุคผมที่เจอเนี่ย  คือ  แกงสับปะรดใส่หอยแมลงภู่  แบบเจอบ่อยมว๊ากกกกก    จนผมอยากจะถามฝ่ายพลาธิการกองทัพศูนย์ฝึกเหลือเกิน  ว่าท่านเป็นญาติกับเจ้าของไร่สับปะรดและคนเลี้ยงหอยแมลงภู่หรืออย่างไร   จนมีประโยคติดปากของพลทหารว่า

  “ ห๊า..แกงสับปะรดใส่หอยแมลงภู่อีกและ”

แต่เดี๋ยวก่อน  ถ้าคุณมีตังค์  คุณก็ไม่ต้องเผชิญกับการเดินแถวเพื่อไปนั่งอุทานหน้าแกงหอยแมลงภู่  เพราะเมื่อจะกินข้าวจะมีการเรียกแถว   ก็จะมีการเรียก  ใครจะไปกินที่แผง ยืนขึ้นแล้วไป  (หมายถึงตลาดในค่ายทหาร ก็เป็นร้านค้าขายของบรรดา ภริยา จ่าๆและพันจ่าในค่ายนั่นแหละ)  ไอ่ผมมันไปแบบยาจกไง  ติดไว้ก่อนได้นะ  แต่ผมก็ไปกินนานๆครั้ง  ส่วนใหญ่ฟาดแกงสับปะรดใส่หอยแมลงภู่นั่นแหละ
.....แล้วไอ่การไปกินในโรงอาหารเนี่ย  จะมีขั้นตอนยุ่งยากหลายขั้นตอน  ไม่ใช่ไปนั่งๆแล้วนึกอยากจะตักกินก็ทำได้เลยที่ไหน  ต้องมานั่งฉากๆๆเอามือทาบกันด้านหน้าแบบที่เห็นในหนังนั่นแหละ  มีจังหวะการตักด้วยนะบางที 555


.....เรื่องร้านค้าที่ตลาดเนี่ย  บอกเลยว่า  ขอให้คุณคุมสติดีๆ  พวกจ่าๆพันจ่า เจ้าของร้าน  แกฉลาด  ตั้งใจเจาะกลุ่มลูกค้าแบบตรงจุดมาก ด้วยการจ้างสาวสวยมาช่วยขาย  หรือบางรายก็เอาลูกสาวหน้าตาดีมาช่วยขายครับ    ใครไปหลงสาวที่แผงเนี่ย ถ้ารวยก็แล้วไป  ใครจนแต่ไปทุกวันเพราะติดสาวที่นั่นมีแต่กระเป๋าแฟ่บ  แบบ ไม่ได้อะไรกลับมาเลยแม้แต่ลมตดสาว 5555

.....โชคดีของผม  ที่เพื่อนคนนึงเคยบวชพระมาหลายพรรษา มันเทศนาพวกเพื่อนที่เดินด้วยกันว่า

“เห้อ...ดูทหารพวกนั้นสิ  นั่งเฝ้าสาวร้านค้า  กันเต็มไปหมด พยายามเฝ้าจีบ  ทุ่มเงินมากินกันทุกวัน  ไม่คิดบ้างหรือว่า สาวๆพวกนั้น    เค้าต้องเจอผู้ชายกี่พันคนในแต่ละปี   คิดหรือว่าจะมีหวัง”

…..ผมเองตอนแรกก็ยอมรับนะครับว่าหลงๆอยู่บ้าง  แต่พอเจอเทศนาของเพื่อนปั๊บ แล้วคิดตาม  เอ้อ....จริงของมัน
วันนี้สาวพวกนี้ยิ้มแย้มกับเรา  แล้ววันต่อๆไป  เมื่อเราจากไปแล้วเล่า  เขาจะยิ้มให้ใครอีกเยอะแยะ  อั๊ยยะ!!!
ไม่เอาและ  เลยกลับไปทนแดรกแกงหอยโรงอาหารดีกว่า

..........ขอเตือนใครที่จะไปนะครับ  สาวๆที่ตลาดในค่ายน่ะ  ส่วนใหญ่มีแฟนแล้วทั้งนั้นครับ  อย่าไปหลงใหลจนเอาอะไรไปทุ่มให้พวกเธอจนหมดล่ะ   แฟนพวกเธอน่ะ  อยู่ข้างนอก  ใส่เจลหัวตั้งๆโน่น ผมแอบเห็นบ่อยๆตอนมารับเพราะพวกผมชอบไปนั่งคุยกันตรงร่องน้ำข้างถนน  หน้าทางเข้าตลาด  สาวก็จะเดินออกมาหาแฟนเธอแถวๆที่พวกผมนั่งแหละ

....รู้เรื่องอาหารการกินไปแล้ว  ที่ก็พอถูไถได้ไปแต่ละมื้อ  ดีกว่าอด   มาดูวิธีการเอาตัวรอดสำหรับคนที่ขี้เกียจฝึกระเบียบแถว  และการสวนสนาม  (รุ่นผมเจอฝึกสวนสนามทุกวี่ทุกวัน)  ก็เดินแบกปืน ปลย.88 สมัยสงครามโลก  ด้วยมือซ้าย พาดบ่า   แล้วฟันแขนขวาเฉียงลง  ฟันไม่พร้อม เอาใหม่  แบกปืนฟันแขนจนกล้ามขึ้น  ปืนก็ไม่รู้จะหนักไปไหน  ถ้าแบกแปปๆไม่เท่าไหร่หรอก  แต่นี่แบกทั้งวัน คือทรมานครับ กับการต้องทำอะไรซ้ำๆ

.....แต่คุณมีทางเลือก  หากคุณไม่อยากฝึก  มันจะมีงานพิเศษที่เรียกว่า  “งานนอก”

งานนอก ก็คือ ไม่ต้องไปฝึก   แต่ต้องเดินทางไปที่สนามกอล์ฟ และแปลงเกษตรของศูนย์ฝึก   ที่อยู่ใกล้ๆทางออกโน่น เดินไกลพอสมควร  แบกจอบแบกพร้า  ไม้กวาดกันไปตามถนัด   ตัวผมเองก็เคยเลี่ยงไปงานนอกอยู่3-4ครั้ง  
ก็จะเป็นพวกถอนหญ้า ถางหญ้า  ตัดหญ้า กวาดหญ้า ใบไม้แห้ง  รดน้ำต้นไม้  เข้ารกเข้าพง ใช้แรงงาน  ก็เพลินดีนะ
อันนี้สบายกว่าแบกปืนฟันแขนอีก  แต่มันไม่สมศักดิ์ศรีของการเป็นทหารเท่าไหร่หรอก  เอาไว้ออกรอบพักผ่อนสายตาเป็นครั้งคราว  ก็เพลินดี

......พวกที่ชอบงานนอกนี่คือ  เค้าจะไปงานนอกเป็นหลักเลย  ไม่ยอมฝึก  หลังๆผมชักติดใจงานนอกเหมือนกัน  เพราะเหมือนเป็นการได้ผ่อนคลาย  ทำงานในสนามกอล์ฟ ก็ได้เจอแคดดี้สาวๆอีก   แค่ได้มองก็ยังดีว่างั้น  อยู่ในนั้นนานๆจะพาลมองเพื่อนทหารว่าหน้าสวยขึ้นมาได้ดื้อๆเหมือนกัน  หึๆๆๆ   แต่พอวันหลังผมก็โดนกักตัวไม่ให้มางานนอก  เพราะจ่าแกจำได้ว่า  ผมเป็นคนที่ฝึกการสวนสนามได้ค่อนข้างเป๊ะกว่าหลายคน  แกก็ไล่ไอ่คนที่ไม่ค่อยได้เรื่องให้ไปงานนอกแล้วเอาผมไปแทน   ผมก็แอบคิดในใจแหละ  ไม่น่าเป๊ะเลยกู    โดนจำได้  เลี่ยงไม่ได้แล้วทีนี้   ....บอกเป็นแนวนะเห้ย ไมได้เสี้ยมให้ขี้เกียจฝึก

......ต่อไปเป็นเรื่องบ่อขี้   มีหลายคนถามผมกันมามากในกลุ่มคนรู้จักว่า  แล้วที่ว่าเป็นทหารต้องลงบ่อขี้ มันจริงไหม
บอกได้เลยว่าถ้าไม่เลวร้ายจริงๆ  คุณจะไม่ได้สิทธิ์นั้น   ภาษากองร้อยผม  เค้าไม่ให้เรียกบ่อขี้ มันดูไม่เพราะ
ให้เรียกมันว่า  “บ่อทองคำ”  แหม๋ ดูมีค่าสุดๆ   บอกได้เลยว่า   คนที่จะได้ลงบ่อทองคำเนี่ย  ต้องเป็นระดับสุดยอดปรมาจารย์เรื่อง ผิดวินัยเลยแหละ  คือทำซ้ำซาก  ทำแล้วทำอีก ไม่เคยเข็ดอะไรแบบนี้   รุ่นผมได้ลงบ่อทองคำไป2คน
เหตุผลที่ได้ลงจะเล่าต่อไป

......ข้อควรที่คุณควรระวังคือ  ต้นประดู่ที่ข้างลานกว้างๆที่เรียกว่ากระทะทองแดง   ทุกต้น ย้ำนะครับ ว่าต้นประดู่ทุกต้น
ตรงขอบๆลานสนามน่ะ  คุณอย่าได้ไปพยายามปีน  หรือไปแตะนะครับ   ต้นประดู่พวกนั้นมีของแรงแทบทุกต้น
ใครเข้าไปแล้วลองไปเดินสังเกตดูได้ครับ  ว่ารังแตนเต็มต้น  เป็นแตนตัวเล็กๆ  สร้างรังยาวๆ ขนานไปตามกิ่ง  สีของรังกลมกลืนกับกิ่งประดู่ชนิดที่ว่าถ้าไม่ดูดีๆ มีสิทธิ์โดนของแรงเล่นงานได้ครับ

....... ใครที่โดนคนอื่นบิ้วว่า  ทหารเรือฝึก2เดือนแรกโหดมาก   บอกเลยว่าอย่าไปเชื่อ    มันไม่ได้โหดโอเวอร์อะไรแบบนั้นหรอก  ถ้าอยู่ในกรอบและวินัยที่เขากำหนดมา คือต้องเรียกว่าชิวๆปนฮา  ถ้าอยู่ให้เป็น    มีหนังจอใหญ่มาฉายให้ดูทุกสัปดาห์เลยนะครับ  ก็จะได้ผ่อนคลายช่วงนั้นแหละ   ได้พบได้เจอสาวๆก็ คืนนั้นเลย  ก็พวกแม่ค้างานหนังแหละ  ไม่ใช่ใคร  ลูกหลานจ่าๆเช่นเดิม  มีหมด ขาว  สวย  หมวย เรียกลูกค้าได้ผลดีนักแล  แต่ฝันไปเถอะ เพราะผมไม่มีตังค์ 555

....ต่อไป  ทำอะไรถึงควรค่าแก่การโดนแดรก(ทำโทษ)...

การโดนแดรกมี2ประเภทคือ  โดนเดี่ยว กับ โดนเป็นคณะ

...โดนคณะ คือ  อาจจะเชื่องช้าในการฝึก    ทำผิดพลาดบ่อย อันนี้จะโดนไม่หนักอะไรเท่าไหร่  เพราะทำโทษแค่เป็นการกระตุ้นให้ตื่นตัวเท่านั้น   ไม่หนักหนามากมายอะไร  แค่พอเมื่อยแข้งเมื่อยขากันไป  แต่บางทีก็ได้นอนกลิ้งกับพื้นปูนหรือดินเหมือนกันนะ

....โดนเดี่ยว...ผู้เดียวดาย   กระทาชายนายใด  ก่อเหตุผิดวินัย มีตั้งแต่ เสพยา  ท้าต่อยจ่า  และทหารรุ่นพี่  อันนี้สำคัญ  มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง  แม้จะรุ่นเดียวกัน  แต่ถ้ามาผลัดหลัง ต้องเรียกผลัดมาก่อนว่าพี่เสมอ  เช่นถ้าคุณผลัด1 พวกมาผลัด2ต้องเรียกคุณว่าพี่  เรื่องเคารพรุ่นพี่เนี่ยสำคัญนะ  ในนั้นคุณอย่าไปทำผิดเรื่องนี้เชียว   ถึงต่อให้ทหารที่มาก่อนจะอายุแค่18 (ผมเจอคนนึงอายุ18 มาเป็นทหาร  ผมงงมาก ว่ามาได้ไง  ผมถึงพึ่งรู้จากมันว่า อายุ18ก็สมัครมาได้ไม่ต้องรอถึงเกณฑ์)  นับถือใจมันจริงๆ คนสมุทรปราการ ผมจำได้ว่ามันชื่อ  “นันทเดช  บุญประเสริฐ”  มั้ง


.....เหตุผิดวินัยด้วยตัวคนเดียวข้างต้น  เช่นเสพยา    ไม่เคารพผู้บังคับบัญชา  ไปยันรุ่นพี่   ลักลอบหนีออกนอกกรมกองยามวิกาล  หากจับได้ตรวจพบ  คุณมีสิทธิ์โดนทำโทษสถานหนัก  เริ่มจากท่าเบสิค  ที่สั่งทำแบบไม่มีกำหนด เช่น  วิดพื้นอินฟินิตี้  พุ่งหลังขาด หรือท่าอื่นๆที่จะทำให้คุณเหนื่อยจนอยากจะร้องไห้   คือคุณต้องทำไปแบบนั้นอย่างน่าเวทนา  จนขนาดเพื่อนที่ดูอยู่ถึงกับเหนื่อยแทนได้เลย    หากยังมีกระทำซ้ำ  คุณจะได้ลง “บ่อทองคำ” หลังส้วมเป็นจุดสุดท้ายของการโดนทำโทษทั้งมวลอย่างแน่นอน    คุณจะเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว  แล้วจะถูกลากไปหย่อนลงบ่อทองคำ  ต้องบอกเลยว่า  ลงจริง  เหม็นจริง  ขี้จริงเป็นต่อนๆ ไม่ใช่ขี้ปลอม   ของกองร้อยผมมีสั่งให้หลับตาแล้วดำลงไปด้วยนะ  สภาพที่เห็นคือชวนอ้วกมากๆ แทบกินข้าวไม่ลง  มีทั้งขี้สดๆขี้เก่าๆและหนอนชอนไช  อี๋ยยยยยย์...  ดังนั้นอะไรที่จะพาคุณเข้าใกล้บ่อทองคำ  พยายามอย่าไปทำมัน    แต่หากบ่อทองคำยังเอาคุณไม่อยู่  คุกที่ป้อม   สห. ตรงตลาดศูนย์ฝึก  ก็มีพร้อมให้คุณลองไปนอนตากยุงเช่นกันครับ

.......ถามว่า นิสัยแบบไหนที่ไม่ควรทำในนั้น....จงจำไว้เสมอว่า   ไม่ว่าข้างนอกตัวตนคุณจะเป็นแบบไหน  เก่งแค่ไหน
อยู่ข้างนอกคุณเป็นใหญ่   ทิ้งและกองมันไว้ข้างนอกเถอะครับ  โดยเฉพาะพวกสายนักเลง  แบบ กูเจ๋ง กูเก๋า ทำตัวห้าวเนี่ยถ้าไม่อยากเหนื่อย และลำบากกว่าชาวบ้าน  อย่าไปทำในนั้น

.....เรื่องชกต่อย เนี่ย  ถึงให้เราโกรธแค่ไหน ก็เก็บมันเอาไว้ในใจครับ   ไอ่การกระทบกระทั่งกันในนั้นมีอยู่แล้วครับ  หลีกได้ก็หลีก  บางกองร้อย ต่อยกัน2คน  เล่นทำโทษทั้งกองก็มี  จะพาลให้เพื่อนเกลียดเอา

.......รุ่นผมนี่รู้สึกจะกองร้อยข้างๆ  ร้อย2พัน3  ไม่รู้ไปก่อคดีอะไรกัน   เห็นนอนเล่นกันตรงลานปูนหน้าอาคารกันอยู่ครึ่งคืน  ดึกดื่นผมลุกมาเข้าส้วม มองไปก็ใจหายแว้บ  แบบนอนกันนิ่งมากๆ  ตกใจนึกว่าผีหลอก    ได้ยินแต่เสียงใครลอยมาแว่วๆว่า  “ให้นอนไม่นอนใช่ไม๊  อย่างงั้นไม่ต้องนอน  นอนกันตรงนี้แหละ”    แหม่...ตากดาวชมเดือนกันเลยทีเดียว

.....ก็ไอ่เรื่องให้นอนไม่นอนนี่แหละ  ระวังกันหน่อยและกัน คืนแรกๆเนี่ยมันตื่นที่ไง  เป็นกันทุกกองร้อยเชื่อดิ   นอนโม้กันมุ้งมิ้ง มุ้งมิ้ง   ป้าบบบบ    จ่ากับนายตอนขึ้นมาตรวจ ได้ยิน  รับไปเลย   ที่นอนสุดหรูชมดาวและเดือนกลางลานหน้ากองร้อย
บันเทิงกันเลยทีเดียวแหละ

...ว่าด้วยเรื่องผี   กองร้อยผมเนี่ยเข้าไปแล้วจะถูกบิ้วจากรุ่นพี่ครับ   ว่าเตียงนั้นหรอ  อ๋อ   ผลัดก่อนพึ่งหัวใจวายคาเตียงไป
เพราะแอบเล่นม้าเกินขนาด    ทำเอาพวกเราที่ได้ยินพวกรุ่นพี่บิ้วมา  ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้    คือผมก็สังเกตไอ่พลทหารที่นอนเตียงที่ว่ากันนะ   แต่ก็ไม่เห็นมันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น     ก็เห็นมันหลับสบายดี  ตัวมันเองคงไม่รู้หรอก  เพราะไม่มีใครบอกมัน

.....อีกเรื่องคือข้างกองร้อยผมมันจะมีดงมะละกอข้างส้วมลูกเหลืองๆปลูกเป็นดงๆ   แล้วก็มีต้นโพธิ์ต้นใหญ่อยู่อีกฝั่ง  แล้วจะมีดงไม้อยู่ดงนึง    มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย  ถ้าไม่มีการเข้ายาม     ใช่แล้วครับ   อาคารแต่ละกองร้อย  จะมีบันไดขึ้นชั้น2  หัวกับท้าย  ก็เป็นอาคารยาวๆ   ดังนั้นจะมีทหาร3คนในแต่ละวัน  ที่จะถูกจัดให้ไปเข้ายาม ตอนกลางคืน   เพื่อคอยจับพวกที่คิดจะลอบหลบหนีไปทำอะไรไม่เข้าท่า  ก็จะเริ่มตั้งแต่ 2ทุ่ม เมื่อเสียงเป่าแตรนอนสิ้นสุด  ไปยัน6โมงเช้า  5ผลัด ผลัดละ3คน  วนกันทั้งกองร้อย    2คน จะไปเฝ้าตรงประตู ทางขึ้นบันได หัวท้ายของอาคาร  ฝั่งละคน   อีกคนจะยืนเฝ้าที่ชั้น1 เดินรอบอาคาร  (แต่ส่วนใหญ่แล้วทหารยามมักถูกจ้างด้วยเงินจากพวกพื้นที่ ที่นัดสาวมารับข้างศูนย์ฝึกเพื่อให้เงียบ)

......คืออาณาบริเวณของศูนย์ฝึกเนี่ยมันกว้างใหญ่และไกลจากทางหลวงมากนะ และก็ล้อมรอบไปด้วยป่า   แต่ถามว่ากลางดึก  ก็ยังมีคนกล้าที่จะเดินฝ่าดงมืดๆออกไปหาแฟนที่นัดมารับ   (ส่วนใหญ่จะเป็นพลทหารที่อาศัยในพื้นที่รู้ช่องทางหลบหนีดี) แต่ทหารยามก็มีศักดิ์ศรี   รับเงินมา  แต่ไปบอกนายตอน  ว่ามีพลทหารหลบหนีออกไปทางป่าด้านมุ่งหน้าไปถนนใหญ่    พันจ่ากองร้อยผม  แกก็สั่งรวบรวมพลทหารรูปร่างกำยำหลายคน   เพื่อไปตามลากคอพลทหารคนนั้นกลับมา  ผมเองก็ไม่ได้รูปร่างกำยำอะไร  แต่บังเอิญตื่นลงมาหาน้ำดื่มตอนนั้นพอดี  เพื่อนก็ลากบอก  ป่ะ ช่วยกันตามคนหน่อย

....ผมก็อ่ะ ไปก็ไป  เดินตามกันไปตามทางที่ทหารยามชี้  ก็คำนวณแล้วว่า  ถ้าตัดตรงป่านี้ไป  มันจะไปเจอถนนใหญ่ที่ตัดผ่านหน้าค่าย  ก็เดินตามกันไปหลายคนรวมทั้งนายตอนแหละครับ  ผมเนี่ยเดินรั้งท้ายกับไอ่คนที่มันชวนผม  ผมไม่รู้ว่ามันเป็นป่าอะไร  คล้ายๆจะเป็นยูคากับแสม แลกระถิน แล้วก็พวกไม้พุ่มไม้หนาม  มีไฟฉายเล็กๆอันนึง   ผมเองก็เดินค่อนข้างระวัง  ไอ่คนที่เดินกับผมก็สงสัยจะเป็นเด็กเทพ  เดินช้ามาก  เพราะกลัวหนามเกี่ยว   เผลอแปปเดียว  อ้าว!!!

  “เห้ย!!คนอื่นไปทางไหนแล้ววะ”

   “จะไปรู้ไม๊คุณ  ผมก็เดินอยู่กับคุณเนี่ย”

   “มืดว่ะ ตามเค้าไม่ทัน  เรากลับดีเปล่า”

     “ตะโกนเรียกดีกว่าไม๊”

     “ไม่ได้  ตอนสั่งบอกให้เงียบๆ เดี๋ยวคนหนีมันรู้ตัว”

     “แล้วเอาไง  ไม่รู้คนอื่นไปทางไหนแล้วเนี่ย ต้นไม้บังแสงไฟฉายหมด “

....จะกลับก็ไม่รู้ทาง   จะไปต่อก็ดูอ้างว้าง  เลยเดินกันมั่วๆ  พาทัวร์กลางป่าตอนดึก ได้แผลจากไม้หนามซิบๆเต็มขา
เดินๆเอ๊ย ไม่เจอใครสักที   หลงแน่ๆทีนี้  กลางคืนมันมองอะไรได้ไม่ถนัดไง  เพื่อนทหารคนนั้น มันก็เริ่มงอแงแล้ว  ตามประสาคนอยู่ในเมืองไม่เคยตกระกำลำบาก  ผมเองใช้ชีวิตบ้านๆมาก่อน  แค่นี้คือเฉยๆ    แค่หาทางออกไม่เจอแค่นี้เอง
เพื่อนผมมันก็ยืนพนมมือ .. “เสด็จเตี่ยช่วยผมด้วยครับ”    ก็ทหารเรือเวลาเจออะไรลำบาก  ก็บูชาเสด็จเตี่ยนี่แหละ  เขาว่าท่านคือ บิดาของทหารเรือ    เป็นความเชื่อของชาวเรือและทหารเรือเลยก็ว่าได้  คิดอะไรไม่ออก บอกเสด็จเตี่ย

.....ก็ออกเดินต่อ  แต่มันก็มืดนะ  มองไม่เห็นใครเหมือนเคย  จนเริ่มจะท้อเหมือนกัน   นี่ออกมาถึงไหนแล้วก็ไม่รู้  สักพัก อ้าววว  นั่นไง  มีเงาคนเดินอยู่ข้างหน้า    ก็จ้ำเท้าตามเลย   พยายามจะตามไปให้ถึงคนที่เห็นนะ  แต่เดินเท่าไหร่ก็ไม่ทัน
แต่เราก็เห็นว่ามีคนเดินนำแบบนั้นแหละ   เดินๆสักพัก  เราเห็นแสงไฟเดินสวนกลับออกไป  ทางขวามือเป็นกลุ่ม
เราก็เอ๊ะ!! ยังไง   ก็เห็นมีคนเดินนำไปทางโน้น  แต่เราเห็นแสงไฟฉายเดินสวนออกไปทางนี้   ผมก็บอกเพื่อนว่า
“เห้ย  ไปทางนี้เถอะ  แสงไฟนั่นพวกเรา  แต่เขาน่ะไม่รู้พวกใคร”

........พวกผมก็รีบซอยเท้าตามกลุ่มจนทันแหละ  ทีนี้ไม่สนแล้วขาเขอ   โดนอะไรก็โดนไป   พอเข้ากลุ่มนายตอนก็ว่า
“อ้าว  พวกเอ็งไปไหนมา2คน”  พวกผมก็บอกว่าหลงป่านิดหน่อย   สรุปคือตามไอ่คนหนีไม่เจอ   ไม่รู้ว่ามันวิ่งจนตามไม่ทัน หรือไปแอบซุ่มตรงไหน  แต่นายตอนบอกกลับมาจะเล่นให้อ่วมเลย  แต่ตอนเช้ามันก็ไม่กลับมาครับ   แล้วมันก็หายไป    ผมเอาเรื่องที่เพื่อนผมขอให้เสด็จเตี่ยช่วยตอนหลงป่า  แล้วเห็นมีเงาคนมานำทางจนไปพบกับกลุ่มเพื่อน   เล่าให้เพื่อนๆคนอื่นฟัง  มี2ความเห็นคือ   อ่อ นั้นและ  เสด็จเตี่ยส่งลูกน้องมาช่วย  แถวนั้นมันเขตทหารเรือ  กับอีกพวกคือ  กูว่าเงานั่นน่ะมันเป็นเงาไอ่คนที่หนี  ไปซุ่มอยู่  พอเห็นมืง2คนเดินมา มันเลยเดินหนี  แล้วเฉี่ยวไปเจอกับกลุ่มใหญ่ที่เดินสวนเบี่ยงข้างลงมา ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  เพราะกล่าวขานกันมากเรื่องความอภินิหารของเสด็จเตี่ย

……นายตอนบอก   ในเมื่ออยากหนีก็หนีไป  พยายามจะช่วยแล้ว   ก็ส่งจำหน่ายไปว่าหนี  จบ    20ปี หนีไปเลย   พวกนี้ จะสอบเข้าเป็นข้าราชการไม่ได้   และหากไปทำผิดคดีบ้านเมือง  นอกจากจะโดนคดีจากศาลปกติแล้ว  ยังจะเจอคุกทหารแถมอีก  ถ้าไม่หนีเข้าป่าเข้าดง  ยังไงเขาก็ตรวจสอบและตามจับได้ครับ   แล้วบอกเลยว่าคุกทหารไม่น่าอยู่เท่าไหร่หรอก  ตัวผมเคยเข้าไป2ครั้ง  หลังจากมาอยู่หน่วย นาวิกแล้ว   โดนขังไปครั้งละ3วัน   คุกทหารเรือ คุกใหญ่อยู่ที่สัตหีบ  ลือกันว่าโหด  ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน  แต่ตัวผมโดนส่งเข้าคุกทหารเรือที่สงขลา  เพราะผมไปประจำที่พังงา  แต่คุกพังงาไม่มี  เลยต้องส่งไปขังถึงสงขลา  ผมเนี่ยโดนข้อหาหลับยาม 555

.....งานเข้ายามเนี่ยเป็นงานหลักของทหารเลย   ไม่ว่าจะไปอยู่หน่วยไหนก็ต้องเข้ายาม  ถ้าคุณขับรถผ่านหน้าฐานทัพหรือจะเข้าไปในแต่ละเขตของทหารเรือ  ก็จะเจอตั้งแต่ประตูใหญ่  ไปยันประตูหน่วยย่อยๆ  พวกที่รับหน้าที่พวกนี้ส่วนมากจะเป็น นาวิก  และของแต่ละหน่วยย่อย ก็จะมียามของเค้าเองคอยตรวจตราเช่นกัน  แต่หลักๆแล้วพลทหารทำอะไรไม่ได้มาก  จ่าสั่ง  นายทหารสั่ง ก็ต้องปล่อยผ่าน  บางคันเราก็เห็นๆอยู่ว่าบรรทุกอะไรมา   ของที่มาจากภาษีประชาชนซื้อทั้งน้านนน
ไม่แฉแล้วกัน  แค่เล่าให้ฟัง  แต่ใครเป็นเคยเป็นทหารยามหน้าบล็อก  เราก็คงรู้ๆกันเนาะว่าบางคันเขามีอะไร

.....ที่ศูนย์ฝึก  ก็ต้องมีทหารยามของแต่ละกองร้อยเช่นกันครับ  ดังที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น  ผมเองก็เช่นกัน   แต่ตลอด2เดือน  คุณจะได้เข้ายามไม่กี่ครั้งหรอก  เพราะทั้งกองร้อยคนมันเยอะ  ใช้แค่คืนละ15คนเอง  3คนต่อ1ผลัดยาม  ผลัดละ2ชม.
กว่าจะวนมาถึงคุณอีกที ก็หลายวันเลย   เฝ้าประตูบันไดหัวท้ายอาคารด้านละ1คน  เดินตรวจรอบอาคารด้านล่าง1คน
ร้อย1พัน3เนี่ยจะวังเวงนิดนึงในตอนกลางคืน  เพราะมีต้นไม้ใหญ่ๆ กับดงไม้ล้อมไว้    คนที่เฝ้าหัวท้ายอาคารจะแอบนั่งงีบก็ได้  แต่คนที่อยู่ด้านล่างมันแอบไม่ได้ เพราะต้องอยู่ใกล้ห้องที่จ่านอนเวร

.....ตัวผมเองก็ได้เป็นยามเดินด้านล่างเหมือนกัน  ผมก็แต่งชุดเต็มยศ  เดินไปเดินมา  ไม่มีอาวุธหรอกนะนอกจากปืนไม้หนักๆที่ใช้ฝึก  ไม่รู้จะให้ใช้ปืนไล่ทุบคนหรือยังไง    มีมีดปลายปืนทื่อๆห้อยเอวอีกเล่ม   หลักๆของการมีทหารยามประจำกองร้อย  คือการตรวจตราไม่ให้คนแปลกหน้าโผล่เข้ามาวุ่นวายในเขตกองร้อยเรา   มันมีแหละ  แก๊งค์ทหารรุ่นพี่  ที่ชอบมาล่อหลวงพลทหารใหม่ในกองร้อยน่ะ  แก๊งค์ทหารรุ่นพี่พวกนี้ชอบออกล่าเหยื่อตามกองร้อยยามวิกาล  เอกลักษณ์คือ  เวลาพวกเค้าตกใจ  เค้าจะร้อง ว๊ายยยย!!! 5555

…..นายตอนสั่งกำชับมากเรื่องนี้   เพราะมีพลทหารบางกลุ่ม  หญิงไม่ได้  เอาพลังงานทดแทนก็ยังดีอยู่   แกบอกไอ่พวกนี้ประตูหน้าไม่ชอบ  ชอบเข้าข้างหลัง  ต้องระวังให้ดี  เรื่องการอาบน้ำในนั้น คุณไม่ต้องกลัว   คุณได้นุ่งกางเกงในตัวเดียวตอนอาบน้ำ  ไมได้แก้ผ้าหมดอะไร  ไอ่แก้หมดเนี่ยมันตอนเข้าคุก

.....คืนนั้นผมเข้ายามช่วง4ทุ่ม-เที่ยงคืน  พอเดินๆอยู่  ผมเดินรอบอาคารตลอด  พอเดินผ่านหัวอาคาร  ที่มีเพื่อนทหารอีกคนเฝ้าอยู่  เพื่อนทหารยามคนนั้น  มันก็ชะโงกมาเรียกผมจากชั้นบนเบาๆ

   “คุณๆ”

   “ว่าไงเพื่อน”

    “มานี่แปป”

....พอผมขึ้นไป   เพื่อนคนนั้นก็บอก  เห็นคล้ายๆมีเงาอะไรบางอย่างแว้บไปแว้บมาในดงมะละกอ   ช่วยให้ผมไปดูหน่อย
ผมก็ขอซุ่มดูแปป    มันเหมือนมีเงาคนจริงๆครับ  ยืนแฝงต้นมะละกออยู่  แล้วมะละกอมันมีเป็นดงไง   แต่ผมบอกให้เงียบๆไว้  ผมก็เดินลงมา  ทำเป็นไม่สนใจ   แต่แอบเหล่ตามองตลอด  แล้วผมก็ทำทีเดินเข้าอาคาร  ไม่ได้ไปไหน  แต่ไปแอบมองเงาที่ว่า   ไม่ได้มีเงาเดียวด้วยพอมองดีๆ ยังมีอีก3-4เงา  ผมเลยไปสะกิดนายตอน แล้วแจ้งให้รู้  แกก็ให้ผมไปตามทหารยามอีก2คนลงมา   แล้วพากันซุ่มดู

....สักพักก็มีพลทหารของกองร้อยผม  2คนพากันเดินลงบันไดมา  แล้วก็ตรงไปที่ดงมะละกอ   ตอนก็สั่งพวกผม3คนบุกล้อมจับเลย  วงแตกครับแก๊งค์ประตูหลัง  พากันวิ่งหนีขึ้นไปทางโรงอาหาร  นายตอนบอกไม่ต้องตาม  แกรู้อยู่ว่าพวกนี้สังกัดไหน  แกค่อยแจ้งเรื่องให้สังกัดจัดการ    แต่ไอ่2คนของกองร้อยผม อ่วมครับ  เจอการสั่งสอนอยู่ครึ่งคืน  แล้วก็ให้นอนอยู่หน้ากองร้อยนั่นแหละ  แกบอก..ชอบกันนักใช่ไม๊  ประตูหลังเนี่ย  พอตอนเช้ามา  นายตอนก็สั่งบอก  ในเมื่อมันชอบประตูหลัง  ก็จัดให้มันสมใจหน่อย  แล้วแกก็สั่งให้พามันไปลงชุบตัวในบ่อทองคำหลังส้วมครับ    น่าสงสารจริงๆ
นี่แหละครับตัวอย่างเล็กน้อยๆ  ของคนฝ่าฝืนกฎ

....จริงๆหลักในการอยู่ในศูนย์ฝึกทหารใหม่    ไม่ยากอะไรหรอกครับ  แค่ทำตัวเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
อย่าทำในสิ่งที่ครูฝึกไม่สั่ง เท่านั้นเอง  วันทั้งวันก็ฝึกเป็นหลัก  อู้ได้บ้างก็คือการไปทำงานนอก
เวลาพักผ่อนก็มีให้  เขามีเวลารวมแถวเป๊ะๆจะไปใหนก็ได้ภายในกรมกอง  หลักๆจะไปสุมหัวที่ตลาดแหละ  แต่พอถึงเวลารวมแถวที่กำหนด  ถ้าไม่โผล่มา แล้วกลับมาในภายหลังคืออ่วม

.....เรื่องแอบซ่อนโทรศัพท์ส่วนตัวไว้ใช้แนะนำว่าอย่าทำ  ต่อให้คุณแอบได้เนียนแค่ไหน  แต่คุณก็ต้องเอาออกมาชาร์จแบต
แล้วในนั้น  มันไม่ใช่พวกของคุณทุกคนแน่ๆ  คนที่โดนริบไป คนอื่นๆ เขาก็ต้องไปบอกนายตอน  ถ้าเห็นว่าคุณยังแอบมีใช้อยู่  แล้วหากถูกตรวจพบว่าคุณซ่อน  มีโอกาสสูงที่คุณจะถูกทำโทษและถูกริบถาวร

.....เรื่องจดหมายและข้าวของ  สามารถให้ญาติส่งไปให้ได้ครับ  พวกจดหมายคนรัก  ของกินอะไรแบบนี้  แต่อย่าคิดซ่อนของผิดกฎหมายเข้านะครับ  มีเครื่องสแกน    สแกนเสร็จจากไปรษณีย์ฐานทัพ  ยังมีการแกะของดูจากครูฝึกกองร้อยอีก
อย่าได้หัวหมอ  ฝากญาติๆส่งไอเท็มผิดกฎหมายเข้าไปเชียว  ยาเสพติดเนี่ยคุกสถานเดียว

.....แล้วก็ใครที่แอบเสพ แอบหามาเสพ  ไม่ต้องกังวล  มีการตรวจฉี่ตลอดครับ  แล้วแต่อารมณ์คนสุ่มตรวจ  ตรวจมาเจอพาไปบำบัดแน่ๆ แถมมีโทษด้วย   ถ้ามีไว้จำหน่ายด้วยนี่สถานหนักเลยครับ  อย่าเสี่ยงบอกเลย   แต่เอาจริงๆ กัญชาที่แผง ก็มีขายนะ  ขอไม่บอกแล้วกันว่าร้านไหน   แอบเอามาขาย  พวกเพื่อนกองร้อยผมเอาไปนั่งสูบ  พอผมเดินเข้าไปใกล้ มันก็หัวเราะใส่จนอยากจะโดดถีบสักที  ถาม   เห้ย ทำไรกันวะ  ก็ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ   ไม่ว่าผมจะพูดอะไรมันก็ฮ่าๆๆๆๆๆ กลายเป็นว่าเหมือนเราเป็นตัวตลกเลย  จนผมต้องพึมพำในใจเป็นคำด่าแบบใต้ๆว่า..  เย็ษแหม่ม..

......ที่นั่นจะมีไปรษณีย์  หากใครจะโทรบอกทางบ้าน  ให้ส่งเงินมาให้ก็สามารถทำได้  ไม่ลำบากๆใดๆถ้าทางบ้านคอยช่วยเหลือ  แต่ในกรณีมาแบบจนๆ  พึ่งใครไม่ได้  ก็ขอให้อาศัยอาหารของกองทัพรักษาชีวิตไปครับ     มันจะลำบากตอนสิ้นเดือน  เพราะเงินเดือนทหารใหม่  มันน้อยมากๆ  หักค่านู่นนี่นั่นแล้ว  มันก็เหลือเงินแค่พอกลับบ้านตอนปล่อยพักแหละ
ถ้าใครไม่ค่อยมี  ขอให้อดใจให้ดี  เดี๋ยวจะต้องมานั่งหน้าเหี่ยว  มองเพื่อนขึ้นรถกลับบ้านเอาเพราะตัวเองเงินหมด

.......ฝึกเสร็จ1เดือน  คุณจะได้รับการปล่อยผี  ให้กลับบ้าน   แต่ไม่ได้หลายวันอะไรหรอกนะ อย่าดีใจไป    พวกอยู่ใกล้ๆก็สบายเลย   แต่พวกอยู่ปักษ์ใต้ค่อนๆไปทาง3จังหวัดคือ แค่นั่งรถก็หมดเวลาแล้ว   แต่ก็กลับกันแหละ  จะมีการเปิดให้จองที่นั่งรถ  มีรถมารับถึงในศูนย์ฝึกครับ   ใครจะไปลงตรงไหนก็ตามสะดวกเลย  ส่วนผมเนี่ยสู้ค่ารถทัวร์ลงใต้ไม่ไหว  เลยขึ้นรถตู้มาลงกรุงเทพ แล้วต่อรถไฟฟรีเอา   ผมเองก็ไม่รู้จะกลับบ้านไปทำไมเหมือนกัน  ไม่มีเป้าหมาย  แฟนไม่มี  แม่ไม่สนใจ  แต่ก็ดีกว่าอุดอู้อยู่ในกองร้อยแหละ   ใส่ชุดกะลาสี หิ้วกระเป๋าแบนๆของทหารเรือขึ้นรถไฟกลับใต้

.....นั่งบนรถไฟคนก็มองอีก  สงสัยจะหล่อ   แรกๆก็ได้นั่งครับ  แต่เพราะเป็นรถไฟฟรีไง  ที่นั่งคือฟรีไสตล์  ใครอยากนั่งตรงไหนนั่ง  นั่งไปสักพัก อ้าว คนขึ้นมาเต็มโบกี้  ไม่มีที่นั่ง  ผู้หญิงยืน   อ่ะ  เราจะหน้าด้านนั่งอยู่ได้เยี่ยงไร  ในชุดกะลาสีเช่นนี้  เลยต้องลุกแล้วบอก  น้องเชิญนั่งครับ  พอน้องเค้านั่ง  เราก็ยืนตรงนั้นแหละ  ผมจำได้ว่าผมยืนตั้งแต่กรุงเทพ  ไปยันราชบุรีถึงได้นั่ง  เพราะป้าคนนึงลุกลงไป

.......ช่วงการปล่อยกลับบ้านเดือนแรกเนี่ย  มันคือการวัดใจครับ   วัดใจว่า  ไปแล้วจะกลับมาหรือเปล่า  ซึ่งมันมีหนีทุกผลัดแหละ  แล้วแต่กองร้อยไหนจะมากจะน้อย   บางคนคือไม่หนีระหว่างฝึก  แต่ทนจนได้กลับบ้าน แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย
เรื่องการหนีเนี่ย  ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่จับใบแดงมาครับ  คือไม่ได้เต็มใจจะมาแต่แรกอยู่แล้ว  พอมาอยู่แล้วเจอความกดดัน  ความเหนื่อย และกรอบข้อบังคับต่างๆ  พอได้ออกไป   ก็หนีไปเลย

.....แต่ผมจะไม่ด่าว่าคนที่หนีว่าป๊อดหรือใจปลาซิวหรอกนะครับ    เพราะการที่ได้สัมผัสกับเพื่อนๆทหารที่โดนบังคับมา  พบว่าหลายๆคนมา  ทั้งที่มีปัญหาชีวิตโคตรเยอะ   โดยเฉพาะทหารจากภาคอิสานนี่จะหนีกันเยอะ  ภาคอื่นมีประปราย

---บางคน  เป็นลูกคนเดียว  ที่บ้านยากจน  ทำนาทำไร่  พอโดนทหารคือ ต้องทิ้งที่นาทิ้งพ่อแม่แก่ๆมาเป็นทหาร พอเขาได้กลับบ้าน  เขาก็ไม่มาแล้ว

---บางคนอยู่กับเมีย  2 คน  สร้างครอบครัวด้วยกัน  ฐานะลำบาก  เพราะตัวเองเป็นเสาหลักให้เมีย   เมียบางคนก็ป่วย  กองร้อยของผมนี่น่าสงสารมาก  เมียมันป่วยเป็นเอดส์  อยู่บ้านคนเดียว  ใช้ชีวิตคือแทบไม่มีกิน  ผมแอบเห็นมันนั่งร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ  จนต้องเข้าไปคุยไปถามถึงได้รู้  พอมันต้องมาเป็นทหาร  เมียมันก็ลำบากเลย  เพราะไม่มีใครจ้างทำงาน  ร่างกายก็อ่อนแอ  ญาติพี่น้องไม่มีใครเอา   สุดท้ายมันก็หนี

.....คือทุกคนมันก็มีปัญหาในชีวิตแหละ  บางคนมาเป็นทหาร พอรู้ว่าแฟนหรือเมียไปมีใหม่ ก็ร้อนใจอยู่ไม่ไหว  หนีคือทางออก  ถ้าคุณอยู่ในนั้น  คุณจะได้พบเรื่องราวดราม่าพวกนี้   ถ้าคุณเห็นใครเงียบๆ  ชอบอยู่คนเดียวซึมๆนั่นแหละคนกำลังมีปัญหาหนักในชีวิตเลย   หากคุณเป็นคนมีเยอะ   จะลองชวนเขาไปเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมบ้างก็ดีไม่น้อย  คนเราระดับความสุขในชีวิตไม่เท่ากันด้วยสิ  ถ้าคุณมีเหลือเฟือ จะจุนเจือพวกเขา คุณก็จะได้มิตรภาพที่ดีไม่น้อย     พวกจ่าๆหรือครูฝึก  เค้าก็รับฟังนะ  แต่ก็แค่รับฟัง  ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าความเห็นใจ

.....บางทีผมก็อยากให้ทางกองทัพ  กำหนดหลักเกณฑ์การเกณฑ์ทหารใหม่เหมือนกัน  แบบก่อนเกณฑ์อยากให้ไปสำรวจชีวิตครอบครัวพวกเขาสักหน่อย  ประเภทที่เป็นลูกคนเดียว   เป็นญาติคนเดียวของคนทางบ้าน   โดยถ้าขาดพวกเขาไปทางบ้านจะไม่มีที่พึ่งเนี่ย  ผมอยากให้จำหน่ายออกไม่ต้องเกณฑ์  แค่มาแสดงตนว่ามาก็พอ  คือ ต่อให้เอาคนประเภทนี้มาฝึก  เค้าก็จะหนีกลับไปอยู่ดี  เปลืองงบประมาณและเสียเวลาไปเปล่าๆกับกำลังพลที่ไม่มีใจจะสู้ในนี้

.....เฉพาะกองร้อยผมในผลัดนั้นหายไปร่วม10คน   บางคนติดหนี้ไว้กับกองร้อยเกินเงินเดือนเสียอีก   ไม่รู้ว่ามีปัญหาชีวิตหรือจงใจหนีหนี้ 555      คือถ้าใครคิดจะหนีอยู่แล้ว  อย่าเข้าไปเลยครับ  หนีไปตั้งแต่แรกเลยดีกว่า  ยังไงก็หนี20ปีเท่าเดิม
จะเข้าไปให้เหนื่อยทำไมจริงไม๊   ลำบากกองร้อย  ต้องมาจัดขบวนสวนสนามใหม่อีกเพื่อแทนพวกที่หนีไป  แถมถ้าใครไปติดหนี้เพื่อนไว้อีก  เพื่อนจะไปทวงกับใคร  เห็นใจคนอื่นกันหน่อย

......พอฝึกเข้าเดือนที่2  ตอนนี้จะเริ่มจริงจังมากกว่าเดิมเยอะ   เพราะก่อนวันที่ต้องแยกย้ายกันไปตามหน่วย  จะมีการสวนสนามของ4กองพัน  มันจะดูอลังการมาก  แบบเราต้องเป๊ะแหละ  ไปฝึกร่วมกันที่ลานกว้างๆ เหนื่อยกันทั้งวัน  ลานกระทะทองแดงนั่นจะร้อนมากๆ  สมชื่อ เพราะเป็นหินกรวดที่รับแสงอาทิตย์เต็มๆ

......ใน2เดือนที่เราฝึก   นี้จะมีวันพบญาติด้วยนะ  ใครมีญาติก็นัดแนะให้มาพบในวันนั้นได้  ใครไม่มีญาติ ก็ไปเดินเนียนๆถือว่าได้ดูสาวไป   จะมีการทดสอบว่ายน้ำที่ทะเล   ใครว่ายไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล  ว่ายไม่ได้ ก็ไม่ต้องลงน้ำ
แต่ใครว่ายได้  เขาก็จะมีการจดระยะเอาไว้ว่าเราว่ายได้กี่เมตร 50 เมตร  100เมตร ว่าไป    แล้วก็ในเดือน2นี้จะมีการเปิดทดสอบให้คัดตัวเข้าหน่วยต่างๆ  นาวิกโยธิน  กับ  สอ.รฝ.นี่ ไม่ต้องทดสอบ  ส่วนใหญ่หน่วยที่เปิดทดสอบ  จะเป็นหน่วยเล็กๆที่ต้องใช้ทักษะหรือความสูงของร่างกาย  ประกอบบ้างเช่น   พวกกองเรือ    สารวัตรทหาร และหน่วยใดอีกบ้างผมก็จำไม่ได้แล้ว

......ใครที่เป็นทหารเรือแล้วอยากไปเที่ยวต่างประเทศ  ต้องพยายามทดสอบเพื่อเข้าสังกัดกองเรือเรือครับ   กองเรือผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามีกี่หน่วย  แต่รวมๆคือพวกนี้ต้องขึ้นไปอยู่บนเรือหลวง  พวกนี้บางลำมีโอกาสเดินทางทำงาน ในทะเล ไปต่างประเทศด้วย  ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกองเรือฟริเกตที่ได้ไป   จะมีอีกหน่วยคือ  กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ  พวกนี้เรือก็ได้ไปประจำตามจังหวัดของไทยที่มีฐานทัพเรือเช่นกัน  เช่นที่สงขลาตรงท่าแพ  หรือที่ทับละมุพังงา

.....ส่วนพวกนาวิก หรือ สอ.รฝ. พวกนี้จะเป็นหน่วยรบ  รุ่นๆนึงก็จะเข้า2หน่วยนี้กันเยอะมาก  พวกไม่ไปทดสอบเข้าหน่วยอื่น  ส่วนใหญ่ก็จะโดนเด้งเข้า2หน่วยนี้  ไปเหนื่อยหนักกันต่อ  ใครที่รู้ตัวว่าตัวเองร่างกายไม่ค่อยจะไหว  พยายามเข้าหน่วยอื่นให้ได้แล้วกันครับ  เพราะ2หน่วยนี้จะเหนื่อยมากที่สุดในการฝึก  คือคุณต้องรบอ่ะ   และมีโอกาสลง3จังหวัดด้วย

ไอ่เรื่องลง3 จังหวัดเนี่ย  จะมีการเปิดรับด้วยความสมัครใจก่อนครับ  ส่วนใหญ่พวกสมัครก็เป็นทหารจาก3จังหวัดนั่นแหละ
พวกที่อยากลองของก็มีบ้างประปราย    แต่ผมไม่ได้สมัครไป  ก้เลยโดนส่งไปอยู่พังงา

......นอกจากนั้นก็จะมีทหารที่ถูกดึงไปอยู่ตามหน่วยต่างๆที่เป็นที่ทำการของทหารเรือ  ก็เป็นพลทหารบริการ  หรือเอกสารอะไรพวกนี้  อ่อ  มี หน่วยรักษาการณ์ตามลำน้ำโขงด้วยนะครับ  นปข.แหละ  ส่วนใหญ่พลทหารอิสานจะไปกัน
เรื่องการคัดเลือกเข้าหน่วยเนี่ย  สำคัญกับคุณมากนะครับ พยายามมองหาโอกาสที่คุณชอบจริงๆให้ดี   อยู่บ้านนาย ก็มีให้เลือก  แต่อันนี้ไมได้เปิดคัด  แต่จะมีการสอบถามตามกองร้อย  ว่ามีใครอยากไปอยู่บ้านนายบ้าง   ก็ตามที่รู้ๆกัน แล้วเขาก็จะดึงคุณไว้ใช้งาน  ใครชอบก็ไม่ว่ากัน

.....ในวันประกาศผลว่าใครจะได้ไปอยู่หน่วยไหน  จะมีการแจกกระดาษที่มีหมายเลข  ให้แต่ละคนในแถวที่หน้ากองร้อยตัวเอง     ใครที่ได้หมายเลขที่เหมือนเพื่อนเยอะๆ นั่นแหละ  คุณเล็งไว้ได้เลย  ว่าไม่  นย.  ก็  สอ.รฝ.  แน่ๆ  เพราะ2หน่วยนี้เอาเยอะ (จริงๆแอบสลับกระดาษกันก็ไม่มีใครรู้นะ 555)  ส่วนคนที่ได้เลขไม่ค่อยเหมือนเพื่อน  หรือมีคนได้เลขนั้นไม่กี่คน  ก็แปลได้ว่าเป็นหน่วยอื่นๆ  ที่ไม่ได้ต้องการกำลังพลเยอะ  แล้วก็จะมีการประกาศหน้าแถวในกองร้อยว่า  ใครได้หมายเลขนี้  สังกัดหน่วยอะไร   ไอ่ตอนประกาศผลนี่  พอประกาศว่า หมายเลขนี้  หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน  เสียงเฮ..จะดังกระหึ่มเลยครับ  เพราะคนมันเยอะที่ลงหน่วยนี้  แล้วจะดังกระหึ่มอีกครั้ง  ตอนประกาศหน้าแถวใหญ่   เป็นอันจบชีวิตในศูนย์ฝึก  และไปเผชิญชะตากรรมในหน่วยที่คุณไปสังกัดถัดไป   เหนื่อยบ้าง  สุขบ้าง ตามแต่ชะตา

.....ผมขอให้คุณโชคดี  ที่เล่ามานี้  แค่พอให้คุณเตรียมตัวเตรียมใจรับมือและรู้ล่วงหน้าในบางเรื่องนะครับ  มันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะเลย  ซึ่งคุณต้องไปเผชิญมันเอง  อันนี้ผมเล่าในมุมที่ผมไปเจอมาแหละ

ไอ่เรื่องเหนื่อยน่ะ เหนื่อยแน่ๆ  แต่กองร้อยผม  และตราบเท่าที่ผมเป็นทหารมา2ปี  ผมไม่เคยโดนจ่าหรือนายทหารทำร้ายแบบในข่าวที่เห็นๆนะ  ขนาดผมก็ว่าจ่าในหน่วยที่ผมสังกัด  ก็ดูโหดๆสูสีล๊อตไวเลอร์  แล้วนะ  ก็ไม่เห็นแกจะเตะผมสักที

พอเลิกงานก็มานั่งคุยเฮฮาบ้าบอต่อกันเสียอีกแต่เราก็ต้องไม่ปีนเกลียว   คนมีความเคารพนอบน้อม  อ่อนน้อมถ่อมตน  อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ครับ     ที่จะอยู่ยากคือพวกทำตัวเก๋า ไม่มีความยำเกรงเท่านั้นแหละ .....หะเบส สมอพลันออกสันดอนไป.. โย่ว............ร่วมเครือนาวี  จักยลปฐพีไพศาล  (เข้ากองเรือนะได้ยล --น.ย.ส่วนใหญ่ ยืนยาม 555) *--*  จบครับ



Cr: http://pantip.com/topic/35009446